บิดเบือน : แจ้งความรถควันดำ – แต่งผิด กม. รับส่วนแบ่ง 50% โดยทันที

บิดเบือน : แจ้งความรถควันดำ – แต่งผิด กม. รับส่วนแบ่ง 50% โดยทันที

จากที่การเผยแพร่ของข้อความที่ว่า หากทำการ แจ้งความรถควันดำ หรือที่มีการเติมแต่งอย่างผิดกฎหมายนั้น ผู้แจ้งจะได้รับส่วนแบ่ง 50% ทันที นั้น ไม่เป็นจริงทั้งหมด (29 เม.ย. 2565) ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆเกี่ยวกับประเด็น แจ้งความรถควันดำ หรือที่มีการเติมแต่งอย่างผิดกฎหมายนั้น ผู้แจ้งได้รับส่วนแบ่ง 50% ทันทีทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน

จากที่มีการแชร์ว่ากรมการขนส่งทางบกย้ำผู้แจ้งความจับรถแต่งผิดกฎหมายหรือควันดำจะได้รับส่วนแบ่ง 50% ทันที 

ทางกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมได้ชี้แจงว่า ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดและเมื่อได้มีการตรวจสอบและดำเนินการเปรียบเทียบปรับหรือคดีถึงที่สุดแล้วผู้แจ้งเบาะแสะการกระทำความผิดมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งค่าปรับตามระเบียบว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนรางวัล หลังจากหักเป็นเงินนำส่งรายได้แผ่นดินแล้วสำหรับการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดผู้แจ้งต้องต้องมีหลักฐานเชิงประจักษ์ครบถ้วน เช่น ภาพหรือคลิปวิดีโอบันทึกการกระทำความผิดที่ชัดเจน วันเวลา สถานที่เกิดเหตุ รายละเอียดรถ ทะเบียนรถ และอื่นๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามได้อย่างรวดเร็ว พร้อมระบุชื่อและนามสกุล เลขประจำตัวประชาชน และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้แจ้ง ช่องทางการติดต่อ และในกรณีผู้แจ้งประสงค์จะขอรับเงินส่วนแบ่งค่าปรับให้ระบุหมายเลขบัญชีธนาคารของผู้แจ้งด้วย และส่งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1584, Line@ : @1584DLT, เฟซบุ๊ก 1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ หรือ https://www.facebook.com/dlt1584/, เว็บไซต์ http://ins.dlt.go.th/cmpweb/ หรือ https://www.dlt.go.th/,แอปพลิเคชัน DLT GPS

ทั้งนี้ การรับเงินส่วนแบ่งจะได้รับภายหลังจากที่ผู้กระทำความผิดได้ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบปรับแล้ว ซึ่งจะมีข้อความ SMS ส่งให้ผู้แจ้งทราบผลการดำเนินการ และโอนเข้าบัญชีธนาคารของผู้แจ้ง ภายใน 15 วันทำการ

ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และสามารถติดตามข่าวสารของกรมการขนส่งทางบก website: www.dlt.go.th ,Facebook: กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News , https://www.facebook.com/PR.DLT.NEWS/ สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดและดำเนินการเปรียบเทียบปรับหรือคดีถึงที่สุดแล้วผู้แจ้งเบาะแสะการกระทำความผิดมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งค่าปรับตามระเบียบว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนรางวัล หลังจากหักเป็นเงินนำส่งรายได้แผ่นดินแล้วสำหรับการแจ้งเบาะแสการกระทำไม่ใช่ได้รับทันที

ขนส่ง รับรอง 2 แอปเรียกรถ : Hello Phuket Service – Bonku

กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ทำการรับรองการให้บริการของแอปพลิเคชันเรียกรถ (แอปเรียกรถ) 2 เจ้าด้วยกัน : Hello Phuket Service – Bonku

(29 เม.ย. 2565) ตามที่มีข้อมูลในสื่อโซเชียลเรื่องขนส่งฯ รับรอง 2 แอปฯ สำหรับให้บริการรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (แอปเรียกรถ) ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีนโยบายให้กระทรวงคมนาคมออกกฎกระทรวงรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564 รวมทั้งอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันที่จะใช้สำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จะต้องได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกก่อนออกให้บริการประชาชน เพื่อให้ภาครัฐสามารถควบคุมกำกับดูแลการให้บริการที่ปลอดภัยและเกิดการแข่งขันในการพัฒนาการให้บริการภายใต้กติกาเดียวกัน รวมทั้งมีการให้บริการในราคาที่เหมาะสมเป็นธรรมกับทั้งผู้ขับรถและผู้โดยสาร ซึ่งหลังจากประกาศเปิดรับคำขอรับรองแอปพลิเคชันตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมานั้น ได้มีแอปพลิเคชันแจ้งความประสงค์ในการดำเนินการเข้ามาทั้งหมด 3 ราย ได้แก่ Hello Phuket Service, Bonku และ Grab

ซึ่งหลังจากได้มีการประชุมพิจารณาและปรับแก้ไขรายละเอียดของแอปพลิเคชันให้เป็นไปตามเงื่อนไขแล้ว กรมการขนส่งทางบกได้พิจารณาให้การรับรองแอปพลิเคชันสำหรับให้บริการรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์แล้ว 2 ราย ได้แก่ Hello Phuket Service ซึ่งมีพื้นที่ให้บริการหลักในเขตจังหวัดภูเก็ต และ Bonku ซึ่งมีพื้นที่ให้บริการหลักในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

โดยทั้ง 2 บริษัทฯ จะต้องนำรถที่ให้บริการอยู่ในระบบมาขึ้นทะเบียนให้ครบถ้วนทุกคันภายในเดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งผู้ขับรถทุกรายต้องมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ ผ่านการสอบประวัติอาชญากรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการทำประกันภัยเพิ่มเติมตามกฎหมายคุ้มครองผู้ประสบภัยฯ แจ้งดำเนินการทางทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก และติดเครื่องหมาย “รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์” จึงจะสามารถออกให้บริการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเมื่อพ้นกำหนดดังกล่าวแล้ว จะเริ่มมาตรการการบังคับใช้กฎหมายกับรถที่ไม่ขึ้นทะเบียนต่อไป

ส่วนแอปพลิเคชันที่อยู่ระหว่างพิจารณา คือ Grab ยังคงต้องหารือร่วมกัน เพื่อปรับปรุงระบบให้สอดคล้องกับเงื่อนไขกฎหมายต่อไป

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป